
เมื่อ 26 มิถุนายน 64 หลังจาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศให้ประเทศไทยเตรียมพร้อมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามา โดยไม่กักตัว ภายใน 120 วัน โดยเริ่มจาก ภูเก็ตแซนด์บอกซ์ 1 กรกฎาคม 64 นี้ จากนั้นจะต่อด้วยเกาะสมุย, เกาะพะงัน และเกาะเต่า ในวันที่ 15 กรกฎาคม และกระบี่ (เกาะพีพี, เกาะไหง, ไร่เลย์) พังงา (เขาหลัก เกาะยาว) ในเดือนสิงหาคม นี้ พร้อมระบุว่าในเดือนตุลาคม จังหวัดท่องเที่ยวไหนมีความพร้อมก่อน แจ้งความประสงค์เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เลยทันที
โดยทางด้าน กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ร่วมกันประกาศเดินหน้าเตรียมพร้อมเปิดประเทศ Moving Forward to Reopen Thailand พร้อมประกาศไทม์ไลน์การเปิดเมืองท่องเที่ยวรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่กักตัวอีกครั้ง โดยขยับไทม์ไลน์การเปิดประเทศเร็วขึ้นมาอีกถึง 3 เดือน จากเดิมที่เริ่มจากภูเก็ต 1 กรกฎาคม จากนั้นตามด้วย เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี, เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์ จังหวัดกระบี่ เขาหลัก จังหวัดพังงา และเชียงใหม่ ในวันที่ 1 สิงหาคม 2564 โดยดำเนินการในรูปแบบ sealed routes พื้นที่อื่นของจังหวัดกระบี่, พังงา, พัทยา จังหวัดชลบุรี ในพื้นที่ อ.บางละมุง และสัตหีบ, กรุงเทพฯ, ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี, หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และบุรีรัมย์ วันที่ 1 ตุลาคม 2564และสเต็ปสุดท้ายคือ ตั้งแต่มกราคม 2565 เป็นต้นไป จะเปิดทุกพื้นที่ของประเทศภายใต้เงื่อนไขว่า นักท่องเที่ยวที่เข้ามาต้องฉีดวัคซีนครบโดส และมีใบรับรองการฉีดวัคซีนที่ตรวจสอบได้ และคนไทยส่วนใหญ่ต้องได้รับการฉีดวัคซีนในสัดส่วน 70% แล้ว

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บอกว่า ททท.ได้เตรียมแผนทำการตลาดร่วมกับสายการบินต่าง ๆ แล้ว แต่อาจต้องปรับเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวลงเล็กน้อย โดยคาดว่าในช่วง 3 เดือนแรกนี้ น่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาราว 100,000 คน จากเป้าเดิมที่วางไว้ 129,000 คน ซึ่งกลุ่มแรก ๆ ที่เข้ามาส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่ม FIT หรือกลุ่มที่เรียกว่า bleisure (business+leisure) ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวระหว่างการเดินทางไปทำธุรกิจ นอกจากนี้ ยังเตรียมเดินสายเจรจากับคู่เปิดประเทศกับกลุ่มประเทศเป้าหมายแล้วเช่นกัน อาทิ เวียดนาม, สิงคโปร์, ฮ่องกง, เกาหลีไต้, จีน (คุนหมิง) เป็นต้น โดยเบื้องต้นจะเริ่มในรูปแบบเมืองต่อเมือง หรือ mini-bubble น่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมจำนวนประมาณ 3-4 ล้านคนได้ในปีนี้
ทางด้าน นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า แนวทางเปิดประเทศใน 120 วันนี้ เป็นปัจจัยบวกที่ชัดเจนที่สุด เพราะประเด็นสำคัญที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเรียกร้องมาตลอดในฝั่งดีมานด์ คือ A.การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการกระจายวัคซีน B.ผู้ประกอบการทั้งระบบอยู่รอดและกลับมาให้บริการเหมือนเดิมได้ และ C.ความมั่นใจจากภาครัฐ โดยเอาเบอร์ 1 ของประเทศออกมาแถลง เพื่อให้คู่ค้าและนักท่องเที่ยวในต่างประเทศได้เห็นความชัดเจนในเชิงนโยบายและเชื่อมั่นในประเทศไทย ที่ผ่านมาคนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเรียกร้องและขอความชัดเจนมาตลอด แต่รัฐบาลไม่ได้แอ็กชั่นแรงขนาดนี้ ที่สำคัญ การเปิดภูเก็ตแซนด์บอกซ์ 1 กรกฎาคมนี้ นายกรัฐมนตรียังมีแผนเดินทางไปตรวจพื้นที่ภูเก็ต และรอต้อนรับคณะนักท่องเที่ยวที่มาจากต่างชาติด้วย และมองว่าถ้าภูเก็ตสามารถทำได้ มั่นใจว่าทุกอย่างจะคลี่คลายหมด
นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) สมาคมทัวร์อินบาวนด์ หรือตลาดต่างชาติเที่ยวไทย (นักท่องเที่ยวขาเข้า) เชื่อว่าจะสร้างความมั่นใจให้กับคู่ค้าที่เตรียมแผนทำการตลาดนำนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยด้วย เพราะสามารถคาดการณ์และวางแผนด้านการขายและการทำการตลาดได้ดีขึ้นกว่าในช่วงที่ผ่านมา ตัวแปรสำคัญยังคงเป็นเรื่องการเร่งฉีดวัคซีนให้คนในประเทศ การที่ไทยประกาศเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเลยทันที แต่ขึ้นอยู่กับนโยบายของประเทศอื่น ๆ ที่เป็นตลาดเป้าหมายด้วย ว่ารัฐบาลเขาเปิดให้คนออกนอกประเทศหรือยัง
ส่วน นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) กล่าวว่า การประกาศให้ทุกจังหวัดที่มีความพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ตั้งแต่ตุลาคมนี้ได้เลย เมื่อครบ 120 วัน โดยไม่ต้องทยอยที่ละ 10 จังหวัดท่องเที่ยว ถือเป็นข่าวดี เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น และน่าจะทำให้ผู้ประกอบการโรงแรมมีความหวัง วางแผนการตลาดและธุรกิจได้ ที่สำคัญน่าจะเริ่มคุยกับสถาบันการเงินได้บ้าง เพราะในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาทุกอย่างหยุดชะงักลง โดยเฉพาะการกู้เงิน เนื่องจากไม่สามารถคาดการณ์อนาคตได้.