
เมื่อ 19 มกราคม 64 นางเสาวนีย์ พูนสวัสดิ์ แม่ค้าขายหน้ากากอนามัย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ถึงกระแสการซื้อหน้ากากอนามัยในช่วงสถานการณ์โควิดรอบ 2 ที่ผ่านมา พบว่าขายดีมากกว่ารอบแรก เนื่องจากว่าในรอบที่ 2 นี้ประชาชนให้ความใส่ใจในเรื่องของการป้องกันโรคอย่างแท้จริง ทั้งนี้เนื่องจากสถานการณ์ของโรคที่พบว่ามีความรุนแรง และรวดเร็ว มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ประชาชนหันมาใส่หน้ากากอนามัยแบบใช้ครั้งเดียวมากกว่า ทั้งนี้หน้าที่ของหน้ากากอนามัย คือปกป้องผู้สวมใส่ให้ปลอดภัยจากการสัมผัสละอองฝอยของน้ำมูกน้ำลาย ซึ่งอาจมีเชื้อ และเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยที่สวมใส่แพร่เชื้อออกไป ส่วนราคาตอนนี้หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดดีขึ้น เรียกว่ากลับเข้าสู่ราคาเดิม ในช่วงที่ไม่มีการระบาดก็จะอยู่ที่ราคากล่องละ 50-70 บาท
นางกัญรดา เอื้ออาทรจิต หนึ่งในลูกค้าที่มาซื้อหน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้ง เผยว่า ในการระบาดโควิดรอบแรก ต้องยอมรับว่าหาซื้อหน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้งยากมาก อีกทั้งราคาก็แพง เพราะในช่วงแรกยังไม่ได้มีการควบคุมราคากันอย่างจริงจังของภาครัฐ เลยทำให้ต้องหันไปซื้อหน้ากากอนามัยแบบผ้ามาใช้แทน แต่ด้วยสถานการณ์ที่ควบคุมเร็ว และไม่ได้มีตัวเลขผู้ป่วยในพื้นที่อำเภอบางละมุง ก็เลยเลือกใช้หน้ากากผ้ามาโดยตลอดในการระบาดรอบแรก แต่มาในระลอกที่ 2 ต้องออกมายอมรับว่าสถานการณ์รุนแรงจริง ตัวเลขมีการขยับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เลือกใส่หน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้ง เพราะคิดว่าป้องกันเชื้อไวรัสได้ดีกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งของก็หาไม่ยากและราคาก็ไม่ได้แพงแล้ว เพราว่าภาครัฐได้มีการออกมาควบคุมราคากันอย่างจริงจัง เข้มข้น จึงเลือกที่จะใช้แบบใช้แล้วทิ้งมากกว่า อีกทั้งก็ทำให้มีความมั่นใจในการป้องกันโรคมากกว่าด้วย แต่ก็ไม่ใช่ว่าหน้ากากผ้าจะไม่ดี แต่ก็จะเลือกใช้ตามสถานที่มากกว่า แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ในเรื่องของหน้ากากอนามัยก็กลายเป็นของติดบ้านไปแล้ว หากหมดก็จะซื้อติดบ้านเอาไว้ เพราะหลังจากที่ทุกคนในบ้านใส่หน้ากากอนามัยไปในที่สาธารณ ะก็พบว่าสมาชิกในบ้านยังไม่มีใครป่วยเลย ซึ่งจริงๆแล้วอากาศหนาวเย็นที่ผ่านมา สมาชิกที่บ้านจะต้องเป็นหวัดกันบ้างแล้ว แต่พอใส่หน้ากากอนามัยกันตลอดออกไปข้างนอก หรือสถานที่สาธารณะก็พบว่าสุขภาพดีกันมากขึ้น ยังไม่มีใครไม่สบายเลย

นางเสาวนีย์ พูนสวัสดิ์ แม่ค้าขายหน้ากากอนามัย เผยต่อไปว่า ถึงแม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่อำเภอบางละมุงจะดีขึ้น ก็ยังคงจะขายหน้ากากกอนามัยต่อไป เพราะคิดว่าหากยังไม่มียารักษาโรคเกิดขึ้น ก็น่าจะคงต้องมีการเฝ้าระวังการแพร่ระบาด ด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัยแบบนี้ไปเรื่อยๆ ส่วนยอดการจำหน่ายก็พบว่าสามารถขายได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางร้านก็ไม่ได้ขายเอากำไรมากมาย ซึ่งราคาจะถูกหรือแพงจะขึ้นอยู่กับต้นทุนมากกว่า.