
เมื่อ 18 พฤษภาคม 63 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุม 131 ศาลาว่าการเมืองพัทยา นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เป็นประธานประชุมคณะกรรมการช่วยเหลือประชาชนของเมืองพัทยาที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยมี นายสินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร นายโชฎึก โชติกำจร สมาชิกสภาเมืองพัทยา นายรณกิจ เอกะสิงห์ นายบรรลือ กุลละวณิชย์ รองนายกเมืองพัทยา เรือตรีปราโมทย์ทับทิม รองปลัดเมืองพัทยา หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน โรคติดเชื้อไวรัสโควิด -19 ได้มีการแพร่ระบาดซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชนเป็นวงกว้างทั่วทั้งประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมไปถึงมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด -19) โดยจังหวัดชลบุรีได้มีมาตรการเร่งด่วนต่างๆในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯ เช่นการสั่งปิดห้างสรรพสินค้า สนามกีฬา สถานบันเทิง การระงับการให้บริการร้านอาหาร สถานบริการต่างๆ รวมทั้งการปิดชายหาด ทำให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่เขตเมืองพัทยา ทั้งด้านการดำเนินชีวิตประจำวัน การประกอบอาชีพ รายได้ ภาระค่าใช้จ่าย ฯลฯ เมืองพัทยาจึงได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชนเมืองพัทยา ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 1,000 บาท (หนึ่งพันบาทถ้วน) และได้ดำเนินการรับลงทะเบียนผู้ขอรับการช่วยเหลือฯ เมื่อวันที่ 1-5 พฤษภาคม 2563 ไปแล้ว ซึ่งมีผู้มาลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือฯ จำนวนทั้งสิ้น 9,328 ราย โดยมีผู้ที่ขาดคุณสมบัติ 43 ราย สาเหตุจากมีทะเบียนบ้านอยู่นอกเขตเมืองพัทยา 14 ราย ชื่อข้าราชการบำนาญ 4 ราย ไม่มีชื่อผู้ลงทะเบียนขอรับสิทธิ์อาศัยอยู่ในทะเบียนบ้าน จำนวน 2 ราย และลงทะเบียนซ้ำซ้อน 23 ราย

ในการนี้เมืองพัทยาจึงได้มีการประชุมคณะกรรมการช่วยเหลือประชาชนของเมืองพัทยาในวันนี้ เพื่อนำเสนอนายกเมืองพัทยาพิจารณาอนุมัติ และจะได้มีการประกาศรายชื่อผู้มีคุณสมบัติผ่านหลักเกณฑ์ เพื่อทำเรื่องขออนุมัติเบิกจ่ายเงินโดยเร็วต่อไป พร้อมกันนี้เมืองพัทยาจะเปิดโอกาสให้ผู้ที่ตกหล่นในการลงทะเบียนครั้งก่อน ได้มาลงทะเบียนเพิ่มเติมในวันที่ 25 -29 พฤษภาคม 2563 ณ.ห้องประชุมทัพพระยา (401) ศาลาว่าการเมืองพัทยา สอบถามรายละเอียดได้ที่ สำนักพัฒนาสังคม เมืองพัทยา หมายเลขโทรศัพท์ 0-3825 3261, 0-3825 3263 (ในวันและเวลาราชการ) หรือ Pattaya Contact Center 1337 ตลอด 24 ชั่วโมง.