
นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน นำคณะผู้แทนฝ่ายไทย เดินทางไปจังหวัดเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมระดับวิชาการกัมพูชา – ไทย กับนายเส็ง ศักดา (H.E.Seng Sakda) อธิบดีกรมแรงงานและฝึกอาชีพ กระทรวงแรงงาน แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทางการกัมพูชา เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือและข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานกัมพูชามาทำงานในประเทศไทย
อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า สาระสำคัญของการประชุมระดับวิชาการกัมพูชา – ไทยในครั้งนี้ ฝ่ายไทยได้เสนอประเด็นต่อที่ประชุมเพื่อพิจารณาในเรื่องการออกเอกสารประจำตัวให้แก่แรงงานกัมพูชาในประเทศไทย เนื่องจากยังมีแรงงานกัมพูชาจำนวนหนึ่งที่ยังไม่มีเอกสารประจำตัว โดยฝ่ายไทยขอให้ฝ่ายกัมพูชาเร่งรัดการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง เช่น การจัดเก็บข้อมูลแรงงาน การออกเอกสารประจำตัวให้แก่แรงงานกัมพูชา เพื่อให้แรงงานสามารถมีเอกสารประจำตัวภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 และได้รับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับ นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังได้เสนอเรื่องการปรับปรุงแก้ไขบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงาน (Agreement) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาในประเด็นการกำหนดให้ตรวจประวัติอาชญากรรมและการตรวจสุขภาพในประเทศต้นทางก่อนที่แรงงานจะเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทย และบทเฉพาะกาลที่ฝ่ายไทยเสนอเพิ่มเติมเพื่อที่จะได้บริหารจัดการได้ทันท่วงที หากเกิดวิกฤตการณ์ที่ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการจัดส่งแรงงานมีข้อขัดข้อง อย่างเช่นสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 ที่ผ่านมา
ผลจากการประชุมระดับวิชาการระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาในครั้งนี้ จะนำไปสู่ความร่วมมือและข้อตกลงเกี่ยวกับการจ้างแรงงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อำนวยความสะดวก ลดขั้นตอนแก่แรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยได้เข้าสู่ระบบการจ้างงานที่ถูกต้อง ได้รับการดูแลคุ้มครองและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศด้วย
ขณะที่นายเส็ง ศักดา (H.E.Seng Sakda) อธิบดีกรมแรงงานและฝึกอาชีพ กระทรวงแรงงานแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ได้เสนอเรื่องการปรับปรุงแก้ไขบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงาน (Agreement) เรื่องการแจ้งข้อมูลให้ฝ่ายกัมพูชาทราบ กรณีแรงงานได้รับการขยายระยะเวลาสัญญาจ้างงานอีก 2 ปี โดยฝ่ายกัมพูชามีความประสงค์ที่จะจัดตั้งศูนย์สนับสนุนแรงงานกัมพูชาขึ้นในประเทศไทย ซึ่งในเรื่องนี้ฝ่ายไทยจะนำประเด็นไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงความเป็นไปได้ของการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าวและการเสนอให้ใช้ระบบการยื่นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการส่งและรับแรงงานกัมพูชาตาม MOU ผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย
![]() |
![]() |
![]() |