เมื่อ 4 เมษายน 62 ห้วงของเดือนเมษายน ของทุกปี เรียกได้ว่าเป็นเดือนแห่งวันสำคัญของชายไทย เนื่องจากว่าจะเข้าสู่ห้วงเวลาของการตรวจเลือกทหารกองเกิน ทั่วทุกภาคของประเทศไทย ซึ่งในพื้นที่อำเภอบางะมุง จะทำการตรวจเลือกทหารกองเกินในวันที่ 7-8 เมษายน 62 ซึ่งไทยมีมีอายุครบ 21 ปี บริบูรณ์ จะต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกิน ในพื้นที่ภูมิลำเนาที่อาศัยอยู่ตามทะเบียนบ้าน
คุณฐิติญานันท์ หนักป้อ ผู้อำนวยการมูลนิธิซิสเตอร์ และ กรรมการมูลนิธิเพื่อสิทธิและความเป็นธรรมทางเพศ เปิดเผยว่า ในการเข้าไปดูแลน้องๆสาวประเภท 2 ในการเข้าสู่ขั้นตอนของการตรวจเลือกทหารกองเกิน ปัจจุบันทางมูลนิธิซิสเตอร์ ได้ร่วมมือกับ เครือข่ายเพื่อนกระเทยไทย มูลนิธิเพื่อสิทธิและความเป็นธรรมทางเพศ ในการให้ความรู้และเป็นที่ปรึกษาแก่สาวประเภทสอง ที่จะต้องเข้าสู่กระบวรการตรวจเลือกทหารกองเกิน โดยได้มีการจัดทำคู่มือเกณฑ์ทหารฉบับกระเทยขึ้น
โดยในคู่มือ จะบอกทุกเรื่องเกี่ยวกับขั้นตอนของการเกณฑ์ทหาร ตั้งแต่เรื่องของการเตรียมตัวให้พร้อม โดยเมื่ออายุ 17 ปีบริบูรณ์น้องๆจะต้องไปขึ้นทะเบียนทหารกองเกิน จากนั้นอายุ 20 ปี ไปรับหมายเรียก แบบ สด.35 ณ.ท่าการอำเภอท้องที่ที่เป็นภูมิลำเนา จากนั้นไปขอหนังสือรับรองผลตรวจสภาพร่างกายและจิตใจ เพื่อยืนยันว่าคือสาวประเภท 2 อย่างแท้จริง ซึ่งขั้นตอนนี้จะใช้ระยะเวลาประมาณ 3 สัปดาห์ ซึ่งน้องๆทุกคนควรไปขอไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนวันเกณฑ์จริง ซึ่งวันเกณฑ์จริงก็จะอยู่ในห้วงเวลา 1-12 เมษายน ของทุกปี จากนั้นรวบรวมเอกสารให้ครบ ประกอบไปด้วย ใบสำคัญทหารกองเกิน แบบ สด.9 หมายเรียก แบบ สด.35 บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน (ตัวจริงและ สำเนา) หลักฐานการเปลี่ยนชื่อจริงหรือชื่อสกุล ประกาศนียบัตรหรือหลักฐานทางการศึกษา หนังสือรับรองผลการตรวจสภาพร่างกายและจิตใจ ใบรับรองจากแพทย์ ไที่เกี่ยวกับความเจ็บป่วยทางด้านร่างกายอื่นๆ (ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจิต) ด้านการแต่งกายเน้นรัดกุม ทะมัด ทะแมง ใส่เสื้อยืดกางเกงขายาวรองเท้าหุ้มส้น หรือรองเท้าผ้าใบ จากนั้นตรวจสอบเอกสารหมายเรียกให้แน่ใจว่าไม่ได้ไปผิดวัน
ทั้งนี้เมื่อถึงวันจริง โต๊ะที่ 1 ทำการเรียกชื่อ พร้อมตรวจเอกสาร หากไม่ครบจะถูกจัดให้เป็นบุคคลประเภทที่ 3 ซึ่งถือว่าเป็นการผ่อนผันในปีนี้ สิ่งที่ต้องทำคือกลับบ้านไปเตรียมตัวให้เรียบร้อย และมาเกณฑ์ทหารใหม่ในปีหน้า จากนั้นทำการตรวจร่างกาย โดยแพทย์ประจำหน่วยคัดเลือก จากนั้นประธานกรรมการคัดเลือก แพทย์ประจำหน่วยคัดเลือก และ กรรมการสัสดีจังหวัด ทำการพิจารณา และลงความเห็นว่า น้องเป็นบุคคลประเภทที่ 2 โดยเอกสารต้องระบุว่า เพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด จากนั้นกลับบ้านได้เลย แต่หากไม่ถูกต้อง ให้ขอแก้ที่ประธานกรรมการการัดเลือกได้ทันที แต่หากถูกจัดให้เป็นบุคคลประเภทที่ 1 และ จับได้ใบแดง ให้รีบนำเอกสารไปยื่นอุทธรณ์ ต่อคณะกรกรมการคัดเลือกทันที ห้ามกลับบ้านก่อนเด็ดขาด ทั้งนี้หากพบว่ามีปัญหาหรือข้อสงสัย สามารถที่จะสอบถามได้ที่เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิซิสเตอร์ ซึ่งจะรอให้ความช่วยเหลือน้องๆสาวสองทุกคนตลอด.