คืบหน้าการปลดล็อคพืชกระท่อม

0
421

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยถึงการสร้างการรรับรู้ในนโยบายปลดล็อคพืชกระท่อม ว่า การปลดล็อคพืชกระท่อมนั้น ที่ผ่านมามีหลายหน่วยงานพยายามเร่งแก้ไขมาตลอด เริ่มจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส.ได้ทำประชาพิจารณ์ให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นมากกว่า 3 ครั้งและสร้างการรับรู้ความเข้าใจในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศมา โดยตนเองได้ลงพื้นที่ตำบลน้ำพุ อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งนับเป็นพื้นที่ปลูกพืชกระท่อมไว้ใช้ในวิถีชาวบ้านมานาน

ทำให้เข้าใจว่าเหตุใดพืชกระท่อมจึงมีความสำคัญต่อวิถีชุมชน เช่น สามารถรักษาบรรเทาอาการไอ ท้องร่วงและแก้ปวดท้องได้ เมื่อมีความเข้าใจจึงเร่งดำเนินการขับเคลื่อนการแก้ไขกฎหมายทันทีตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2563 จนถึงปัจจุบันได้พยายามเดินหน้าขับเคลื่อนแก้ไขร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ หรือ พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ เพื่อยกเลิกพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ปี 2522 และยกเลิกบทลงโทษในความผิดเกี่ยวกับพืชกระท่อมทั้งหมด

ขณะนี้ได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาแล้ว ซึ่งเหลือ 2 ขั้นตอน ก่อนจะมีประกาศใช้เป็นกฎหมาย และเริ่มบังคับใช้หลังประกาศราชกิจจานุเบกษาไปแล้ว 90 วัน ทั้งนี้ ยังอยากให้เข้าใจว่า เมื่อมีการแก้ไขกฎหมายนี้แล้ว จะต้องมีการจัดทำกฎหมายอีกฉบับออกมาควบคุมด้วย โดยขณะนี้การจัดทำกฏหมายรองเพื่อควบคุมการใช้และการปลูกพืชกระท่อมดังกล่าว ได้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา เบื้องต้นหากกฏหมายรองดำเนินการแล้วเสร็จจะทำให้ประชาชนทราบว่าจะสามารถปลูกได้ในปริมาณเท่าใด แต่หากจะปลูกเพื่อการส่งออกจะต้องมีการขออนุญาตปลูกต่อไป

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีการซื้อขายพืชกระท่อมอยู่ที่กิโลกรัมละ 500 บาท ซึ่งใน 1 ต้นสามารถปลูกและมีผลผลิตได้ประมาณ 250 กิโลกรัมในรอบ1 ปี ดังนั้น เมื่อมีการปลูก 3 ต้นต่อครัวเรือนตามที่กฎหมายในขณะนี้กำหนดไว้ จะได้ผลผลิตประมาณ 750 กิโลกรัม หรือสร้างมูลค่ารายได้ถึง 375,000 บาทต่อปี แต่จากที่มีประชาชนยื่นขอปลูกพืชกระท่อมมากกว่ากฎหมายจำกัดนั้น มองว่า ในอนาคตหากมีการปลูกจำนวนมาก และไม่จำกัดจำนวน อาจทำให้ราคาซื้อขายต่ำลงได้ เช่น การปลูกยางพารา จึงอยากให้ประชาชนเข้าใจและจะพิจารณาอย่างรอบด้านถึงความเป็นไปได้ เพื่อขับเคลื่อนพืชกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจต่อไปได้ในอนาคต – สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์